📢เทคนิคจัดการขยะร้านอาหาร ลดกลิ่น ลดแมลง ครัวสะอาดทำตามได้จริง 📢
หนึ่งในปัญหาที่ร้านอาหารมักเจอคือ เศษอาหารและขยะสะสมในครัว หากปล่อยทิ้งไว้นาน จะกลายเป็นต้นตอของกลิ่นเหม็น แมลงรบกวน และอาจทำให้ภาพลักษณ์ร้านดูไม่สะอาด ทั้งที่จริง ๆ แล้วการแก้ปัญหาไม่ได้ยากเลย เพียงปรับระบบการจัดการให้มีขั้นตอนชัดเจน ร้านก็จะสะอาดขึ้น และยังช่วยสร้างรายได้เพิ่มได้อีกด้วย
📌 เคล็ดลับจัดการขยะในร้านอาหาร📌
🌟 จัดหมวดหมู่ให้ชัดเจน
แทนที่จะทิ้งขยะทุกประเภทรวมกัน ร้านควรแยกใส่ถังอย่างชัดเจน โดยสามารถแบ่งขยะได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
🥙ขยะอินทรีย์ (เศษอาหาร เศษผัก เปลือกผลไม้ เนื้อสัตว์)
🍶ขยะรีไซเคิล (ขวดพลาสติก กระป๋อง กล่องกระดาษ)
🧃ขยะทั่วไป (ซองขนม พลาสติกปนเปื้อน)
การแยกขยะตั้งแต่ต้นทางทำให้จัดการได้ง่ายขึ้น ลดกลิ่นรบกวน และขยะบางส่วนยังนำไปขายต่อเป็นรายได้เสริมได้อีกด้วย
🌟 จัดการเศษอาหารให้ไว
เศษอาหารควรทิ้งทุก ๆ 2–3 ชั่วโมง หรือหลังช่วงเสิร์ฟ เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมม
🎍 สามารถใช้ เครื่องย่อยเศษอาหาร เพื่อแปรรูปเป็นปุ๋ยได้ภายใน 1–2 วัน และนำไปใช้ปลูกต้นไม้ต่อได้
🧀 น้ำมันพืชใช้แล้ว ควรเก็บรวบรวม เพื่อนำไปขายต่อในราคาประมาณ 12–20 บาท/ลิตร ไม่ควรทิ้งลงท่อ หรือรวมกับขยะชนิดอื่น
🌟 ขยะบางชนิดสามารถขายต่อได้
ขยะบางประเภทมีมูลค่าในตัว ดังนั้นร้านหากแยกไว้อย่างถูกวิธี เพื่อรอเวลานำไปขายต่อ และนำไปเป็นรายได้เสริมของร้านได้ เช่น
🍼 ขวดน้ำพลาสติก ราคา 3–6 บาท/กิโลกรัม
🍿 กล่องกระดาษ ราคา 2–5 บาท/กิโลกรัม
🥫 กระป๋องเครื่องดื่ม ราคา 40–60 บาท/กิโลกรัม
🍶 ขวดแก้ว ราคา 0.5–1 บาท/กิโลกรัม
🌟 เลือกถังและจุดวางให้เหมาะสม
ควรเลือกใช้ถังที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันกลิ่น และสัตว์รบกวน และควรแยกถังขยะตามประเภท เช่น ถังขยะอินทรีย์ ถังขยะรีไซเคิล และถังขยะทั่วไป เพื่อความสะดวกในการทิ้ง
🌟 วางระบบ และสอนทีมงาน
ควรกำหนดรอบการเก็บขยะอย่างสม่ำเสมอ เช่น รอบเช้า รอบกลางวัน และรอบเย็น พร้อมอบรมพนักงานให้เข้าใจและเห็นความสำคัญของการแยกขยะ เพื่อให้การดำเนินงานต่อเนื่องและได้ผลจริง นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแรงจูงใจเล็ก ๆ ให้พนักงานเห็นความสำคัญของการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี ตัวอย่างเช่น
🏆 การนำขยะรีไซเคิลไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งเป็นกองกลางเพื่อแจกจ่ายเป็นรางวัลให้กับพนักงาน
🎪 จัดกิจกรรมแข่งขันแยกขยะประจำเดือน เพื่อให้พนักงานรู้สึกสนุก ได้ประโยชน์ร่วมกัน และไม่มองว่าเป็นภาระเพิ่ม
|